การรักษาสิวตามแนวทางการแพทย์แผนไทย
“เฮ้อ…... สิวเขรอะเต็มหน้าอีกแล้ว จะทำไงดีเนี่ย”
พูดถึงเรื่องสิว (Acne) หลายคนคงไม่อยากให้มีสิวขึ้นบนหน้าของตนเองอย่างแน่นอน เพราะความมั่นใจคงลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว สิวถือเป็นภาวะปกติของวัยรุ่น สามารถหายไปเองได้ แต่สำหรับบางคนที่ขึ้นเยอะ อย่างภาพนี้…. มันคงสร้างความกังวลได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเครียดก็ยิ่งเป็น จนไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต รักษาก็หลายวิธี ตอนแรกๆ ก็ดี แต่พอไม่ได้กินยาซักระยะ สิวก็ขึ้นเห่อเต็มหน้าอีก ช่างน่าหนักใจเสียจริง แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไป สิวนั้นสามารถรักษาได้ ในทางการแพทย์แผนไทยมีแนวคิดว่า สิวเกิดจากปิตตะพิการ “แล้วปิตตะคืออะไร” ปิตตะ คือ ความร้อน เป็น สิ่งที่ให้ความ อบอุ่นกับร่างกาย ความหิวความกระหาย ความเปล่งปลั่ง สดชื่น เมื่อกระทำโทษจะทำให้เกิดอาการหลาย ๆ รูปแบบ รวมถึงทำพิษให้โลหิตพิการ เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดฝีหนอง หรือสิวหนองชนิดต่าง ๆ ดังนั้นหลักการรักษาตามแนวทางการแพทย์แผนไทย คือ ปรับปิตตะหรือความร้อนภายในร่างกาย |
แล้วจะมีวิธีรักษาได้อย่างไรได้บ้าง?
1. รับประทานสมุนไพรที่มีรสชาติขม เย็น หรือจืด ในทางการแพทย์แผนไทยอาหารและสมุนไพรรสขมเย็น หรือจืด มีคุณสมบัติในการรักษาโรคทางปิตตะ สามารถระงับธาตุไฟในร่างกายได้ มีสรรพคุณในการระงับน้ำเหลืองเสียต่างๆ ที่ไหลออกจากร่างกายได้ แก้โลหิตพิการ เช่น บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก กระดอม ฯลฯ แต่สมุนไพรบางชนิดอาจเป็นพิษเมื่อรับประทานเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นการรับประทานผักผลไม้ที่มีรสขม เย็น หรือจืดที่หาได้ง่ายจึงเป็นหนทางที่ปลอดภัยกว่า เช่น ฟัก บวบ มะระ ย่านาง บัวบก เห็ด ยอดสะเดา เป็นต้น หรือรับประทานเป็นผักหลายๆ ชนิดจิ้มน้ำพริกรับประทานจะดีมาก |
2. ขับถ่ายทุกวัน
การขับถ่ายไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะหรืออุจจาระ เป็นการนำความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกาย ดังนั้นผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ จะมีปัญหาความร้อนอยู่ภายใน ส่งผลให้เกิดสิวได้ การขับถ่ายเป็นประจำทุกวันจึงช่วยให้ปิตตะของร่างกายสมดุล แนะนำให้รับประทานอาหารรสหวานที่มีฤทธิ์ระบาย เช่น น้ำลูกพรุน องุ่น กล้วย มะละกอ ส้มหวานต่างๆ แก้วมังกร เป็นต้น |
3. นอนหลับให้เพียงพอ
ข้อนี้อ่านแล้วหลายคนบอกว่า “ฉันนอนพอแล้วนิค่ะ ทำไมยังเป็นสิวอีก แถมยังนอนเกิน 8 ชั่วโมงอีกด้วยจะไม่พอได้อย่างไร” ก็คุณเล่นนอนตีหนึ่งตีสองแล้วมาตื่นตอนเที่ยงวัน อันนี้เป็นสิ่งที่หลายคนยังเข้าใจผิดในเรื่องของการนอน ร่ายกายของคนเราจะมีการฟื้นฟูสภาพร่างกาย คล้ายๆ กับการชาร์ตแบตเตอร์รี่ร่างกาย โดยปกติคนเราจะหลับได้ดีในภาวะที่มืดสนิท โดยเฉพาะในช่วงสี่ทุ่ม-ตีสอง ถ้าเราได้หลับสนิทในช่วงเวลานี้ ร่างกายก็จะได้พักผ่อนและฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เต็มที่ สามารถกำจัดพิษในร่างกายได้สมบูรณ์ ทำให้ธาตุไฟในร่างกายไม่กำเริบ สังเกตได้ว่าคนที่ชอบนอนดึก มักมีภาวะร้อนใน หรือแผลในปากบ่อยๆ |
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
หลายคนคงได้ยินเรื่องการดื่มน้ำว่าควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยวันละ 7 - 8 แก้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่หลายคนเข้าใจผิดมักจะดื่มน้ำทีเดียวครั้งละมากๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะร่างกายเรามีการรักษาสมดุลย์ของปริมาณน้ำ การดื่มน้ำมากเกินไปในแต่ละครั้งก็จะทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายขับน้ำออกโดยไม่ทันได้ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างเต็มที่ และที่ร้ายกว่านั้น คือ การดื่มน้ำเยอะๆ ในมื้อของอาหาร จะมีผลทำให้น้ำย่อยเจือจาง ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด การขับถ่ายผิดปกติ และส่งผลต่อธาตุไฟในร่างกายภายหลัง ดังนั้นเราควรดื่มน้ำพอดับกระหาย เน้นจิบบ่อยๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น หรือน้ำอัดลม |
7. ปรับสภาพจิตใจ
การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ก็ช่วยปรับสภาวะปิตตะในร่างกายได้ เช่น การเล่นสนุกสนานกับเด็กๆ คุยกับเพื่อที่ถูกคอ ดมกลิ่นอาหารดีๆที่กำลังหุงต้ม พยายามรื่นเริงกับสิ่งที่ทำให้เบิกบานใจ เช่น เครื่องแต่งกายสวยๆ ดอกไม้ อัญมณีต่างๆ อาบน้ำเย็นที่มีกลิ่นหอมชื่นใจ ฟังดนตรี ดูมโหรีที่ไพเราะ นั่งชมวิวทิวทัศน์ มีลมพัดเอื่อยๆ รวมความคือการรักษาโรคปิตตะต้องใช้ความเย็น ความสนุก ความแจ่มใส ความพอใจและความร่าเริง |
แม้จะมียาที่มีสรรพคุณดีเพียงใด การปฏิบัติตัวของเราก็สำคัญมากเช่นกัน การที่ปิตตะกระทำโทษนั้นตามโบราณบอกไว้ว่า เกิดจากการรับประทานของเผ็ดจัด รับประทานเกลือมาก อาหารไม่ย่อย ตากแดดมาก เสพกามคุณมาก กินอาหารบางอย่างที่เป็นพิษกับปิตตะ เช่น นมข้น สุรา หรือของรสเปรี้ยว ดังนั้นอาหารหรือพฤติกรรมเหล่านี้จึงควรหลีกเลี่ยง ถ้าปฏิบัติได้ตามนี้เรื่องสิวก็จะไม่เป็นปัญหากับเราอีกต่อไป
สามารถโทรสอบถาม และใช้บริการได้ที่
ParBeauty & Slim
ปลาบิวตี้ & สลิม
เบอร์โทร. 08-7210-0901. 09-1619-1724
ถ.ริมหนองสมบูรณ์ (วงศ์สวรรค์) อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000