_ยาสำหรับรักษาสิว
ยารักษาสิว มีทั้งชนิดทาภายนอกและชนิดรับประทาน สิวชนิดไม่รุนแรงหรือไม่มีการอักเสบมักจะใช้ยาทาภายนอก
อาจจะใช้ชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดร่วมกัน ยารักษาสิวมักจะทำให้อาการดีขึ้นแต่ไม่หายขาด
ยาที่ใช้รักษา มีดังนี้
สบู่และน้ำ
การใช้สบู่อ่อน หรือสบู่ที่เป็นกลาง หรือสบู่สำหรับใช้กับเด็ก ล้างด้วยน้ำสะอาดวันละ 2 - 3 ครั้ง อย่าให้มากกว่านี้เพราะจะทำให้แห้งไปและอาจจะเกิดปัญหากับผิวหนังได้ สบู่ที่ใช้ไม่ควรจะเป็นด่างมากเกินไป และไม่ควรที่จะถูแรงๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังฟกช้ำและเกิดปัญหา
Benzoyl Peroxide
เป็นชนิดครีมหรือเจล 2.5%, 5%, 10% เมื่อทายาไว้บนผิวหนังปริมาณเชื้อและไขมันบนผิวหนังจะลดลง ยานี้จะมีระคายเคืองต่อผิวหนังจะทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ทำให้ปริมาณหัวสิวลดลง ในระยะแรกของการใช้ยาอาจจะทำให้ผิวหนังแดงอักเสบ จึงควรจะเริ่มใช้ยาในขนาดความเข้มข้นต่ำๆ ทาระยะเวลาสั้น เช่น 5 - 10 นาที แล้วล้างออก เมื่อผิวหนังทนต่อยาจึงเพิ่มความเข้มข้น และทาไว้นานขึ้น จนไม่ต้องล้างออก ทาวันละ 2 ครั้ง เมื่อทาตามบริเวณลำตัวอาจจะทำให้สีเสื้อจางลง
Salicylic Acid
กรดนี้จะช่วยละลายขุยทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก แต่จะไม่ช่วยในการลดการสร้างไขมัน ยานี้จะต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เมื่อหยุดยาก็จะกลับเป็นใหม่
Sulfer
เป็นยาที่ใช้กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยมากต้องผสมกับสารชนิดอื่น เช่น Alcohol, Salicylic Acid, Resorcinol ยาชนิดนี้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ยาทาส่วนใหญ่ก็มีตัวยานี้ผสม
สำหรับสมุนไพร หรือสารธรรมชาติ ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าได้ผล สำหรับยาที่ควรจะปรึกษาแพทย์ไม่ควรจะซื้อยาเอง ได้แก่
ยาทา
ยาทาที่เป็นปฏิชีวนะ
ยาทาชนิดอื่น
ยารับประทาน
ยาปฏิชีวนะ
ฮอร์โมน
Steroid
จะใช้ในกรณีที่เป็นสิวมาก ควรจะใช้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะหากใช้ในระยะเวลานานๆ จะเกิดโรคแทรกซ้อน
Isotretinoin
เป็นยาที่ใช้ได้ผลสำหรับสิวที่ดื้อต่อยาหรือการรักษา เหมาะสำหรับสิวหัวช้าง Cystic Acne ยาชนิดรับประทาน Isotretinoin ใช้รักษาสิวชนิดดื้อต่อการรักษาชนิดอื่น ยานี้จะทำให้ไขมันและเชื้อลดลง จึงไม่เกิดสิว ยานี้มีผลข้างเคียงมากจึงไม่แนะนำให้ซื้อรับประทานเอง ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ ปากแห้ง ผิวแห้งแตก ผมร่วงปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ สำหรับคนท้องก็อาจจะทำให้เด็กเกิดมาพิการและแท้ง ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียนปวดข้อปวดกระดูก ปวดหัว การใช้ยานี้ต้องคุมกำเนิด และหากต้องการตั้งท้องต้องหยุดยานี้ 1 เดือน
สบู่และน้ำ
การใช้สบู่อ่อน หรือสบู่ที่เป็นกลาง หรือสบู่สำหรับใช้กับเด็ก ล้างด้วยน้ำสะอาดวันละ 2 - 3 ครั้ง อย่าให้มากกว่านี้เพราะจะทำให้แห้งไปและอาจจะเกิดปัญหากับผิวหนังได้ สบู่ที่ใช้ไม่ควรจะเป็นด่างมากเกินไป และไม่ควรที่จะถูแรงๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังฟกช้ำและเกิดปัญหา
Benzoyl Peroxide
เป็นชนิดครีมหรือเจล 2.5%, 5%, 10% เมื่อทายาไว้บนผิวหนังปริมาณเชื้อและไขมันบนผิวหนังจะลดลง ยานี้จะมีระคายเคืองต่อผิวหนังจะทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ทำให้ปริมาณหัวสิวลดลง ในระยะแรกของการใช้ยาอาจจะทำให้ผิวหนังแดงอักเสบ จึงควรจะเริ่มใช้ยาในขนาดความเข้มข้นต่ำๆ ทาระยะเวลาสั้น เช่น 5 - 10 นาที แล้วล้างออก เมื่อผิวหนังทนต่อยาจึงเพิ่มความเข้มข้น และทาไว้นานขึ้น จนไม่ต้องล้างออก ทาวันละ 2 ครั้ง เมื่อทาตามบริเวณลำตัวอาจจะทำให้สีเสื้อจางลง
Salicylic Acid
กรดนี้จะช่วยละลายขุยทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก แต่จะไม่ช่วยในการลดการสร้างไขมัน ยานี้จะต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เมื่อหยุดยาก็จะกลับเป็นใหม่
Sulfer
เป็นยาที่ใช้กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยมากต้องผสมกับสารชนิดอื่น เช่น Alcohol, Salicylic Acid, Resorcinol ยาชนิดนี้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ยาทาส่วนใหญ่ก็มีตัวยานี้ผสม
สำหรับสมุนไพร หรือสารธรรมชาติ ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าได้ผล สำหรับยาที่ควรจะปรึกษาแพทย์ไม่ควรจะซื้อยาเอง ได้แก่
ยาทา
ยาทาที่เป็นปฏิชีวนะ
- Azelaic Acid ยานี้จะลดประชากรของเชื้อ Propionibacterium และละลายขุย ยานี้ทำเป็นรูปครีม อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน
- Erythromycin Solution 1% - 4% ออกฤทธิ์โดยการต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ เมื่อใช้ร่วมกับ Bebzoyl Peroxide จะทำให้ได้ผลดี
- Clindamycin Phosphate Solution 1%
- Tetracyclin เป็นยาทาตัวแรกๆ ที่ได้มีการนำมาใช้ทาเพื่อรักษาสิว แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากผลข้างเคียงของยา
- Sulfonamide ทำเป็นรูปสารละลายซึ่งยังมีการใช้ยาชนิดนี้อยู่
ยาทาชนิดอื่น
- อนุพันธุ์ของกรดวิตามินเอ Tretinoin เป็นยารักษาสิวที่ให้ผลค่อนข้างดีชนิดยาทาภายนอก ยาตัวนี้เป็นยาละลายขุยซึ่งทำเป็นรูปครีมหรือเจลความเข้มข้น 0.01% - 0.1% ยานี้จะมีอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแดง แห้ง ลอกเป็นขุย ดังนั้น จึงต้องทายาในขนาดความเข้มข้นต่ำๆ เมื่อใช้ร่วมกับ Benzoyl Peroxide ให้ใช้ Benzoyl Peroxide ทาในตอนเช้า ส่วนวิตามินเอให้ทาก่อนนอน
- Adapalene เป็นอนุพันธุ์ของวิตามินเอ มีผลข้างเคียงเหมือนอนุพันธุ์วิตามินเอ
- Tazarotene เป็นสารสังเคราะห์วิตามินเอ
ยารับประทาน
ยาปฏิชีวนะ
- Tetracyclin เป็นยาที่ใช้รักษาสิวตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน มักจะให้ในรายที่ผู้ป่วยเป็นสิว ค่อนข้างมากตั้งแต่สิวที่เป็นหนอง โดยเริ่มต้น 500 - 1000 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อดีขึ้นจึงลดขนาดของยาลง และอาจจะต้องให้ยาในขนาดต่ำ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ไม่ควรให้ยานี้ในเด็กและคนท้อง
- Erythromycin สำหรับผู้ที่ใช้ Tetracyclin ไม่ได้ เช่น เด็ก คนท้อง คนที่แพ้ยา Tetracyclin
- Minocycline Doxycycline เป็นยาสังเคราะห์กลุ่ม Tetracycline ห้ามใช้ในคนท้อง
ฮอร์โมน
- Estrogen เป็นฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนทำให้มีการสร้างไขมันลดลง แต่การใช้ต้องระวังผลข้างเคียง เช่น มะเร็งเต้านม
- ยาคุมกำเนิด นิยมใช้รักษาสิวมากกว่า Estrogen เดี่ี่ยวๆ เนื่องจากผลข้างเคียงต่ำกว่า อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม การใช้ยาคุมนี้เมื่อการรักษาวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
Steroid
จะใช้ในกรณีที่เป็นสิวมาก ควรจะใช้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะหากใช้ในระยะเวลานานๆ จะเกิดโรคแทรกซ้อน
Isotretinoin
เป็นยาที่ใช้ได้ผลสำหรับสิวที่ดื้อต่อยาหรือการรักษา เหมาะสำหรับสิวหัวช้าง Cystic Acne ยาชนิดรับประทาน Isotretinoin ใช้รักษาสิวชนิดดื้อต่อการรักษาชนิดอื่น ยานี้จะทำให้ไขมันและเชื้อลดลง จึงไม่เกิดสิว ยานี้มีผลข้างเคียงมากจึงไม่แนะนำให้ซื้อรับประทานเอง ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ ปากแห้ง ผิวแห้งแตก ผมร่วงปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ สำหรับคนท้องก็อาจจะทำให้เด็กเกิดมาพิการและแท้ง ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียนปวดข้อปวดกระดูก ปวดหัว การใช้ยานี้ต้องคุมกำเนิด และหากต้องการตั้งท้องต้องหยุดยานี้ 1 เดือน
_ภาพแสดงการรักษาสิวด้วยยาอนุพันธ์ของวิตามินเอ แต่ท่านต้องระวังโดยเฉพาะในคนที่ตั้งครรภ์หรือประจำเดือนขาดไม่ควรรับยาชนิดนี้
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล
http://www.siamhealth.net/public_html/Health/Photo_teaching/acne_drug.htm
สามารถโทรสอบถาม และใช้บริการได้ที่
ParBeauty & Slim
ปลาบิวตี้ & สลิม
เบอร์โทร. 08-7210-0901. 09-1619-1724
ถ.ริมหนองสมบูรณ์ (วงศ์สวรรค์) อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000